Bernardo Silva เพลย์เมกเกอร์ ตัวจิ๋วหัวใจเรือใบสีฟ้าและทีมชาติโปรตุเกส

Browse By

ถ้าพูดถึงกองกลางตัวรุกที่ตัวไม่สูงมาก แต่เล่นใหญ่ทุกเกม วิ่งไม่มีหมด ขยันทั้งรับทั้งรุก แถมยังมีสมองบอลระดับ “แก้โจทย์ยากได้ในหนึ่งจังหวะ” ชื่อที่โผล่ขึ้นมาแทบจะทันทีในหัวแฟนบอลยุคนี้ก็คือ Bernardo Silva เพลย์เมกเกอร์ เท้าซ้ายชาวโปรตุเกสของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และหนึ่งในมันสมองสำคัญของทีมชาติโปรตุเกสยุคใหม่ ที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ฟันเฟือง แต่ถึงขั้นก้าวขึ้นมารับบทผู้นำในห้องแต่งตัวด้วย

แฟนบอลหลายคนเวลาเปิดดูแมนฯ ซิตี้เตะ เห็นเบอร์ 20 วิ่งไล่เพรสแทบทั้งสนาม แล้วอยู่ดี ๆ ก็โผล่มาจ่ายคิลเลอร์พาสหรือยิงเองเฉย บางคนถึงขั้นแซวว่า “คนนี้เหมือนมีสองปอด” เพราะวิ่งไปทั่วไม่รู้จักเหนื่อย ยิ่งคนที่ตามสายเดิมพันหรือเล่นบอลชุดก็จะยิ่งอินเป็นพิเศษ เพราะ Bernardo Silva เป็นหนึ่งในตัวที่ “มีส่วนกับเกม” สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการแอสซิสต์ การยิง หรือช่วยสร้างแรงกดดันในรูปแบบที่ไม่ได้อยู่แค่ในสถิติ

และแน่นอนว่าพอพูดถึงทั้งการเชียร์และการลุ้น หลายคนก็อาจอยากต่อยอดไปสู่โลกเดิมพันจริงจัง ถ้าอยากเริ่มต้นบนแพลตฟอร์มที่รวมทั้งกีฬา คาสิโน และเกมอื่น ๆ ไว้ในที่เดียว การลองเข้าไปดูหน้าหลักของ ยูฟ่าเบท ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แค่จำเอาไว้ว่าไม่ว่าจะแฟนบอลหรือสายเดิมพัน “สติ” สำคัญพอ ๆ กับแท็กติกของทีมโปรดเลย


จุดเริ่มต้นในลิสบอน เมืองหลวงลูกหนังโปรตุเกส

เด็กที่เติบโตมาพร้อมบอลที่เท้าซ้าย

Bernardo Mota Veiga de Carvalho e Silva เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1994 ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมฟุตบอล ทั้งฝั่งเบนฟิก้าและสปอร์ติ้ง ลิสบอน การโตมากลางเมืองแบบนี้ ถ้าไม่รักบอลก็คงยากหน่อย และสำหรับ Bernardo Silva เขาไม่ใช่แค่รัก แต่คือ “หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล” ตั้งแต่เด็กจริง ๆ

ครอบครัวของเขาไม่ได้ผลักดันให้เป็นดาราบอลแบบสุดโต่ง แต่สนับสนุนให้ทำในสิ่งที่รัก เด็กชายตัวเล็กที่ถนัดเท้าซ้ายคนนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเตะบอล ไม่ว่าจะในโรงเรียน สนามหญ้าใกล้บ้าน หรือมุมถนนที่พอมีพื้นที่ให้เลี้ยงหลบเสาไฟก็เล่นได้แล้ว

เข้าสู่รั้วอะคาเดมี่เบนฟิก้า

ในประเทศโปรตุเกส ถ้าพูดถึงโรงเรียนลูกหนังระดับท็อป แน่นอนว่าต้องมีชื่อ เบนฟิก้า ติดอยู่ และนั่นคือที่ที่ Bernardo Silva ถูกดึงเข้าไปตั้งแต่ยังเด็ก เขาเข้าสู่ระบบเยาวชนของเบนฟิก้าตั้งแต่ปี 2002 และใช้เวลากว่า 10 ปีเติบโตในอะคาเดมี่แห่งนี้ก่อนจะได้โอกาสขึ้นเล่นระดับอาชีพกับทีมเบนฟิก้า บี ในปี 2013

ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นเทคนิค การคอนโทรลบอล การมองเห็นช่องระหว่างไลน์รับ–กลางของคู่แข่ง ทำให้โค้ชเยาวชนหลายคนเชื่อว่าเด็กคนนี้มีของ ไม่ใช่แค่ “หาตัวแทนไม่ได้ง่าย ๆ” แต่มีศักยภาพจะเป็นเพลย์เมกเกอร์ระดับท็อปของยุโรปได้ในอนาคต


ก้าวแรกในระดับอาชีพ: จากเบนฟิก้าสู่การแจ้งเกิดที่โมนาโก

เบนฟิก้า บี และโอกาสแรกกับชุดใหญ่

ระหว่างปี 2013–2014 Bernardo Silva ลงเล่นให้ทีมสำรองอย่าง Benfica B ในลีกดิวิชั่นสองของโปรตุเกส เขาทำผลงานได้ดี มีทั้งการทำประตูและสร้างสรรค์เกมจากแดนกลาง แม้จะได้โอกาสกับทีมชุดใหญ่จริง ๆ แค่เพียงช่วงสั้น ๆ แต่ก็ถือเป็นการเปิดประตูสู่เวทียุโรปที่ใหญ่ขึ้น

สำหรับเด็กที่สูงราว 1.73 เมตร ไม่ได้รูปร่างใหญ่โต การจะเบียดขึ้นมาจุดเด่นในบอลอาชีพยุโรปไม่ง่าย แต่ Bernardo ใช้ “สมองบอล” และความขยันในการไล่บอลชดเชยขนาดตัวได้เป็นอย่างดี

ย้ายสู่โมนาโก: เวทีที่ทำให้ยุโรปรู้จักชื่อเขาจริง ๆ

ปี 2014 คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อเขาถูกปล่อยยืมไปเล่นให้กับ อาแอส โมนาโก ทีมในลีกเอิง ฝรั่งเศส และหลังจากแสดงผลงานยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรก สโมสรตัดสินใจเซ็นถาวรในปี 2015 พร้อมให้บทบาทสำคัญในทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว

ภายใต้เสื้อโมนาโก Bernardo Silva กลายเป็นหนึ่งในแกนหลักของทีมที่เล่นฟุตบอลเกมรุกดุดัน สนุกตา และใช้พลังของดาวรุ่งล้วน ๆ จนสามารถสร้างความฮือฮาในยุโรปได้

ฤดูกาลประวัติศาสตร์ 2016–17: โมนาโกแชมป์ลีกเอิง

ฤดูกาล 2016–17 คือปีที่โมนาโกสร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์ลีกเอิงเหนือปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้สำเร็จ โดยมีแกนหลักอย่าง Kylian Mbappé, Radamel Falcao, Thomas Lemar, Tiemoué Bakayoko และแน่นอน Bernardo Silva ที่รับบทมันสมองในกลางสนาม

เขาไม่ใช่คนยิงเยอะที่สุดในทีม แต่ทุกครั้งที่โมนาโกได้โต้กลับหรือบุกจากแดนกลาง ชื่อของ Bernardo มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงพาบอลขึ้นหน้า การไหลบอลจังหวะเดียว หรือการสอดเข้าไปทำประตูเอง

ผลงานในปีนั้นไม่ได้แค่ช่วยให้โมนาโกเป็นแชมป์ แต่ยังทำให้หลายทีมใหญ่ในยุโรปเริ่มหันมามอง โดยเฉพาะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เจอกับโมนาโกในแชมเปียนส์ลีกแล้วโดนฝีเท้าเขาสะกดตาเข้าเต็ม ๆ


แมนเชสเตอร์ ซิตี้: จากฟันเฟืองแนวรุก สู่หัวใจแท็กติกของเป๊ป

การย้ายสู่พรีเมียร์ลีกและการร่วมงานกับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ปี 2017 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัดการคว้าตัว Bernardo Silva มาร่วมทีมด้วยค่าตัวระดับ 40–50 ล้านปอนด์ (ตัวเลขโดยประมาณตามรายงาน) เพื่อเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำคัญในแนวรุกของทีมชุดเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ตอนนั้นหลายคนอาจคิดว่าเขาจะเป็นแค่ “โรเตชั่นหรู ๆ” เพราะในทีมมีทั้ง Kevin De Bruyne, David Silva, Leroy Sané, Raheem Sterling อยู่แล้ว แต่ในสายตาเป๊ป เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัว Bernardo ที่แตกต่าง

เป๊ปเคยชมแบบชัด ๆ ว่า Bernardo Silva คือหนึ่งในนักเตะที่เล่นด้วย “บิ๊กเบรน” มากที่สุด ช่วยทีมทั้งตอนมีบอลและไม่มีบอล และทำงานหนักแบบไม่ต้องคอยบอกซ้ำ

บทบาทแรก ๆ: ปีกขวาตัวจิ๋วแต่โคตรขยัน

ในช่วงฤดูกาลแรก ๆ กับซิตี้ Bernardo มักถูกใช้งานในตำแหน่งปีกขวา เนื่องจากเขาสามารถเลี้ยงบอลจากริมเส้นเข้ากลางเพื่อใช้เท้าซ้ายยิงหรือจ่ายต่อได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยวิ่งไล่เพรสแบ็กฝั่งตรงข้ามอย่างดุดัน

เขาไม่ได้เป็นตัวจบสกอร์หลักของทีมเหมือนกองหน้าตัวเป้าหรือปีกสายยิง แต่เป็นคนที่คอยสร้างพื้นที่ คอยทำเกมให้เพื่อน เป็นตัวเชื่อมระหว่างกลางกับหน้าในระบบที่ต้องการการเคลื่อนที่ซับซ้อนที่เป๊ปออกแบบไว้

กลายเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง: จากปีกสู่มันสมองแดนกลาง

เมื่อเวลาผ่านไปและ David Silva เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพ เป๊ปเริ่มขยับ Bernardo Silva เข้ามายืนในแดนกลางมากขึ้น บางนัดเขายืนเป็น “หมายเลข 8” ที่คอยเชื่อมเกม บางนัดกลายเป็น “หมายเลข 10” แบบยืนสูงหน่อย อยู่ระหว่างไลน์กองกลางและกองหลังคู่แข่ง

บทบาทใหม่นี้ทำให้ความฉลาดในเกมของเขาถูกดึงออกมาใช้ได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น

  • การหันตัวรับบอลในช่องแคบกลางสนาม
  • การใช้เท้าซ้ายจ่ายบอลตัดไลน์รับทีเดียวหลุด
  • การวิ่งสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษแบบไม่มีใครตามทัน

ผลงานที่สม่ำเสมอทำให้แฟนซิตี้จำนวนมากยกให้เขาเป็น “เครื่องยนต์ไม่หยุด” ของทีม เป็นคนที่ถ้าวันไหนไม่ได้ลง แฟนจะรู้สึกว่ากลไกของทีมขาดอะไรไปสักอย่าง

ฤดูกาลแห่งมาสเตอร์คลาส: จากแชมป์ลีกสู่ทริปเปิลแชมป์

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา Bernardo Silva สะสมแชมป์กับแมนฯ ซิตี้แบบแน่น ๆ ทั้ง

  • แชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัยติดต่อกันในช่วงเวลาหนึ่งของทศวรรษ 2020s
  • แชมป์เอฟเอ คัพ
  • แชมป์ลีกคัพหลายรายการ
  • แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาล 2022–23 พร้อมทริปเปิลแชมป์ประวัติศาสตร์

หนึ่งในเกมที่แฟนบอลจำได้ขึ้นใจคือรอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกกับเรอัล มาดริด ที่เขายิง 2 ประตูในเลกสอง ช่วยให้ซิตี้ถล่ม 4–0 และผ่านเข้าสู่นัดชิง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนบอกว่าคืนนี้เขาเล่นเหมือน “ชายคนเดียวสองตำแหน่ง” ทั้งเป็นตัวรุกและตัวช่วยเพรสเกมรับไปพร้อมกัน

บทบาทกัปตันและผู้นำในห้องแต่งตัว

เมื่อทีมเปลี่ยนผ่าน ผู้นำเก่า ๆ บางคนย้ายออกไป Bernardo Silva ก็เริ่มถูกมองในฐานะ “ผู้นำทางเมนทัล” ทั้งในสนามและนอกสนาม จนกระทั่งในปีต่อมา เขาได้รับบทบาทการเป็นกัปตันแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับสโมสรโลก ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าถือเป็นหนึ่งในเกียรติยศสูงสุดในอาชีพของเขาเอง

สำหรับคนที่วันหนึ่งเคยเป็น “ดาวรุ่งตัวเล็กที่ย้ายมาจากโมนาโก” การขึ้นมาเป็นผู้นำทีมระดับมหาอำนาจยุโรปแบบนี้ มันสะท้อนทุกอย่างทั้งเรื่องความพยายาม ความสม่ำเสมอ และการทำงานอย่างมืออาชีพจริง ๆ


สไตล์การเล่นของ Bernardo Silva: เพลย์เมกเกอร์นักวิ่งและศิลปินในพื้นที่แคบ

จุดเด่นหลัก: เทคนิค+สมอง+ความขยัน

ถ้าให้สรุปแบบสั้นที่สุด Bernardo Silva คือการรวมกันของสามสิ่งนี้

  • เทคนิคที่ละเอียด
  • การอ่านเกมที่คม
  • ความขยันระดับ “ไม่มีปุ่มหยุดวิ่ง”

เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถเลี้ยงบอลในพื้นที่แคบได้ดีมาก การสัมผัสบอลแรก (first touch) มักจะพาบอลออกจากจุดกดดันได้อย่างนุ่มนวล เหมือนบอลดูดติดเท้าจนได้รับฉายาแนว ๆ ว่า “Bubblegum” เพราะบอลติดเท้าเหมือนหมากฝรั่งติดรองเท้า แต่ในกรณีนี้ไม่เหนียวหนึบกวนใจ แถมคู่แข่งปวดหัวแทนด้วยซ้ำ

การเคลื่อนที่และการเพรสซิ่ง

จุดที่แฟนบอลมักชมคือ “การเคลื่อนที่ตอนไม่มีบอล” เขาไม่ใช่คนที่ยืนรอบอลเท้า แต่จะวิ่งสลับตำแหน่งกับเพื่อนตลอดเวลา หา half-space หรือช่องระหว่างกองกลาง–กองหลังคู่แข่ง เพื่อให้ทีมมีตัวรับบอลที่พร้อมจะเล่นจังหวะต่อทันที

ในเกมเพรสซิ่ง เขาเป็นด่านแรก ๆ ที่ขึ้นไล่กดดันแบ็กหรือมิดฟิลด์คู่แข่ง บ่อยครั้งที่การวิ่งของเขาทำให้คู่แข่งจ่ายบอลพลาด หรืออย่างน้อยก็ต้องรีบเล่น จนทีมมีโอกาสแย่งบอลกลับมา

ความหลากหลายในตำแหน่งการเล่น

Bernardo Silva เคยถูกใช้งานทั้งในตำแหน่ง

  • ปีกขวา ปีกซ้าย
  • กองกลางตัวรุก (หมายเลข 10)
  • มิดฟิลด์หมายเลข 8 ในระบบของเป๊ป
  • False 9 ในบางนัด
  • แม้กระทั่งยืนต่ำลงมาเป็นมิดฟิลด์คู่กลางในบางสถานการณ์

ความสามารถในการเล่นได้หลายตำแหน่งแบบไม่เสียคุณภาพ ทำให้เขากลายเป็น “ชิ้นส่วนแท็กติกเอนกประสงค์” ที่โค้ชหลายคนใฝ่ฝัน เพราะสามารถปรับบทบาทเขาให้เข้ากับแผนการเล่นของวันนั้นได้อย่างยืดหยุ่น


บทบาทกับทีมชาติโปรตุเกส

จากเยาวชนสู่เสาหลักทีมชาติ

Bernardo Silva ติดทีมชาติโปรตุเกสในรุ่น U19 และ U21 ก่อนที่จะได้ขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2015 และตั้งแต่นั้นมาก็กลายเป็นหนึ่งในตัวหลักของทีมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะยุคคริสเตียโน่ โรนัลโด้นำทีม หรือช่วงที่เริ่มเปลี่ยนผ่านสู่แกนใหม่ ๆ เขายังคงมีชื่ออยู่ในแผนเสมอ

เขามีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่หลายรายการ ทั้งฟุตบอลโลก 2018, 2022 ยูโร 2020, ยูโร 2024 รวมถึง FIFA Confederations Cup 2017 ที่โปรตุเกสคว้าอันดับสาม และแน่นอน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่ทีมคว้าแชมป์ได้สองสมัย โดยในปี 2019 เขาถูกยกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นโดดเด่นของทัวร์นาเมนต์อีกด้วย

บทบาทในทีม: มากกว่าตัวประกบโรนัลโด้

ในช่วงฟุตบอลโลก 2018 หลายคนอาจมองว่า Bernardo คือแค่ตัวช่วยซัพพอร์ตโรนัลโด้ แต่พอเวลาผ่านไป บทบาทของเขาเริ่มชัดขึ้นว่าเป็น “คนเชื่อมแดนกลางกับแดนหน้า” และเป็นคนที่ช่วยแบกภาระสร้างเกมรุก ไม่ให้ทุกอย่างตกไปอยู่ที่โรนัลโด้คนเดียว

ภายใต้โค้ชรุ่นใหม่อย่าง Roberto Martínez เขายิ่งได้รับความไว้วางใจมากขึ้น ทั้งในฐานะตัวจริงแทบทุกนัด และบางครั้งยังได้สวมปลอกแขนกัปตันในเกมสำคัญ ๆ ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบทบาทของเขาไม่ใช่แค่เชิงฟุตบอล แต่รวมถึงการเป็นผู้นำในสนามด้วย


สรุปเกียรติยศและตัวเลขสำคัญของ Bernardo Silva

ด้านล่างนี้คือตารางสรุปแบบย่อ ๆ ของโปรไฟล์และเกียรติยศหลัก ๆ ที่ Bernardo สะสมมาได้ ซึ่งต้องบอกว่า “หนาใช้ได้” สำหรับนักเตะที่ยังมีเวลาค้าแข้งอีกหลายปี

หมวดข้อมูลโดยสรุป
ชื่อเต็มBernardo Mota Veiga de Carvalho e Silva
วันเกิด / สถานที่10 สิงหาคม 1994, ลิสบอน โปรตุเกส
ส่วนสูงประมาณ 1.73 เมตร
เท้าถนัดซ้าย
สโมสรอาชีพหลักBenfica B, Benfica, AS Monaco, Manchester City
ตำแหน่งหลักมิดฟิลด์ตัวรุก, ปีกขวา, ปีกซ้าย, มิดฟิลด์หมายเลข 8, False 9
แชมป์สโมสรสำคัญลีกโปรตุเกส 1, ลีกเอิงฝรั่งเศส 1, พรีเมียร์ลีกหลายสมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
แชมป์ทีมชาติยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2 สมัยกับโปรตุเกส
จุดเด่นเทคนิค, ความขยันในการเพรส, เล่นได้หลายตำแหน่ง, สมองบอลสูง

มุมมองด้านแท็กติก: ทำไมโค้ชถึงรัก Bernardo Silva ขนาดนี้

นักเตะที่ช่วยให้แท็กติกยาก ๆ เป็นเรื่องง่าย

ในโลกของโค้ชระดับท็อป การมีนักเตะที่ “เข้าใจแท็กติกเชิงลึก” สำคัญพอ ๆ กับการมีนักเตะทักษะสูง เพราะระบบที่เน้นการเคลื่อนที่ การเพรสซิ่ง และการเล่นบอลเท้าสู่เท้าจังหวะเดียว ต้องใช้ผู้เล่นที่ “คิดไวเท่ากัน” ไม่อย่างนั้นระบบจะสะดุดทันที

Bernardo Silva คือคนที่ทำให้แท็กติกเหล่านี้ไหลลื่น เขาสามารถรับคำสั่งให้เปลี่ยนบทบาทระหว่างเกมได้ เช่น

  • จากปีกขวา ถอยลงมาเป็นหมายเลข 8
  • จากกองกลางตัวรุก เลื่อนขึ้นไปเป็น False 9
  • หรือจากพื้นที่ครึ่งช่องฝั่งขวา เลื่อนไปยืนกว้างเพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนจี้เข้ากลาง

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่การวิ่งมั่ว ๆ แต่เป็นการเคลื่อนที่ตามหลักการของทีม และเขาทำมันได้แบบแทบไม่เคยหลุดจากแพทเทิร์น

ความต่อเนื่องและความเสถียรของฟอร์ม

อีกสิ่งที่โค้ชชอบคือ “ความเสถียร” Bernardo ไม่ใช่คนที่วันนี้เทพ อีกสามวันหายเข้ากลีบเมฆ แต่เป็นคนที่ทำงานระดับ 7–8 คะแนนทุกเกม และจะมีบางนัดที่ระเบิดฟอร์มขึ้นไปเป็น 9–10 ทำให้โค้ชไว้ใจส่งลงสนามได้ในเกมใหญ่ ๆ อย่างไม่ต้องคิดมาก

สำหรับสายแฟนตาซีหรือสายวิเคราะห์เกมเดิมพัน ความเสถียรแบบนี้แหละที่ทำให้ชื่อของเขามักจะถูกนำไปใช้เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญเวลาอ่านเกมของแมนฯ ซิตี้หรือโปรตุเกส โดยเฉพาะในเกมใหญ่ที่เขามักจะถูกส่งลงเป็น 11 ตัวจริงเสมอ

กลางบทความแบบนี้ ถ้าใครอ่านไปดูบอลไปแล้วเริ่มรู้สึกว่าอยากเพิ่มความอินของตัวเองให้มากกว่าการเชียร์เฉย ๆ ก็อาจลองมองหาโอกาสเริ่มต้นในโลกเดิมพันผ่านแพลตฟอร์มที่รวมฟุตบอลกับเกมอื่น ๆ ไว้ในที่เดียว เช่นการเข้าใช้งานผ่าน ทางเข้า UFABET ล่าสุด แต่ไม่ว่าจะลุยขนาดไหน สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดงบไว้ชัดเจนและเคารพขีดจำกัดของตัวเองเสมอ


เปรียบเทียบกับเพลย์เมกเกอร์ยุคเดียวกัน

ถ้าลองเอา Bernardo Silva ไปเปรียบเทียบกับเพลย์เมกเกอร์ชื่อดังยุคเดียวกัน เราอาจเห็นภาพประมาณนี้ (แบบไม่ต้องซีเรียสเกิน เป็นการเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นสไตล์)

  • ถ้าเทียบกับ Kevin De Bruyne – De Bruyne จะเด่นเรื่องจ่ายบอลยาวและการสับไกลแบบ “ฆ่าประตู” มากกว่า ส่วน Bernardo จะเด่นในเกมคอนโทรลและการเคลื่อนที่ในพื้นที่แคบ
  • ถ้าเทียบกับ David Silva – ทั้งคู่คล้ายกันในแง่ความเนียนของบอล แต่ Bernardo จะเพรสมากกว่า วิ่งไล่คู่แข่งดุดันกว่า
  • ถ้าเทียบกับ Bruno Fernandes – Bruno เป็นสายเสี่ยง สายคิลเลอร์พาสแบบยิงจ่ายยัด ๆ เพื่อหวังผล ส่วน Bernardo จะเป็นสายเก็บจังหวะให้ทีม สมดุลกว่าในแง่ “ไม่ทิ้งทีมในเกมรับ”

สรุปคือ Bernardo Silva ไม่ได้โดดเด่นที่สุดด้านใดด้านหนึ่งแบบสุดโต่ง แต่เป็นนักเตะที่ “ครบ” และเชื่อมทุกอย่างให้ทีมเดินไปด้วยกันอย่างลื่นไหล


มุมมองในอนาคต: เส้นทางต่อจากนี้ของ Bernardo Silva

สถานะปัจจุบันกับแมนฯ ซิตี้

ปัจจุบัน Bernardo Silva ยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งในแง่คุณภาพในสนามและภาวะผู้นำในห้องแต่งตัว ความผูกพันของเขากับสโมสรและแฟนบอลมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนปีที่อยู่กับทีมและถ้วยแชมป์ที่ช่วยกันคว้ามา

แม้จะมีข่าวลือเรื่องความเป็นไปได้ในการย้ายทีมบ้างตามวงจรตลาดนักเตะ โดยเฉพาะกับสโมสรในลีกอื่นที่อยากได้เพลย์เมกเกอร์ระดับนี้ไปร่วมทัพ แต่จนถึงตอนนี้ เขายังเป็นแกนหลักในแผนของเป๊ปอย่างชัดเจน

โอกาสในทีมชาติ: จากคู่หูโรนัลโด้สู่ผู้นำยุคใหม่

ในระดับทีมชาติ โปรตุเกสกำลังเข้าสู่ยุคที่โรนัลโด้เริ่มลดบทบาทลง และให้โอกาสกับดาวรุ่งหรือสตาร์รุ่นกลางมากขึ้น วงโคจรนี้ทำให้ Bernardo Silva และเพื่อน ๆ รุ่นใกล้เคียงกัน กลายเป็น “เสาหลัก” ที่ต้องช่วยกันแบกทีมทั้งในสนามและในแง่ความเป็นผู้นำ

หากโปรตุเกสสามารถคว้าแชมป์ใหญ่ในระดับยูโรหรือฟุตบอลโลกในช่วงที่เขายังอยู่ในพีคของอาชีพ จะยิ่งตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะหนึ่งในกองกลางที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโปรตุเกสยุคหลัง ๆ ได้แบบเต็มปากเต็มคำ


FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Bernardo Silva

ถาม: Bernardo Silva เล่นตำแหน่งอะไรเป็นหลัก?
ตอบ: เขาเริ่มต้นในฐานะปีกขวาและกองกลางตัวรุก แต่ในระบบของแมนฯ ซิตี้ภายใต้เป๊ป เขาเล่นได้ทั้งปีกซ้าย ปีกขวา หมายเลข 8 หมายเลข 10 และบางครั้งยังเป็น False 9 ด้วย จุดแข็งคือเล่นได้หลายตำแหน่งโดยรักษาคุณภาพได้สูงเท่าเดิม


ถาม: ทำไมโค้ชถึงชอบใช้ Bernardo Silva ในเกมใหญ่ ๆ?
ตอบ: เพราะเขาเข้าใจแท็กติกซับซ้อน สามารถปรับตำแหน่งระหว่างเกมได้ แถมยังขยันวิ่งไล่เพรสคู่แข่งตลอด 90 นาที การมีเขาอยู่ในสนามทำให้ระบบการเพรสของทีมทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้เพื่อนร่วมทีมได้เล่นง่ายขึ้น


ถาม: เขามีจุดอ่อนอะไรบ้าง?
ตอบ: จุดที่หลายคนมองคือเรื่อง “ขนาดตัว” ที่ไม่ได้ใหญ่ ทำให้ดวลลูกกลางอากาศหรือปะทะหนัก ๆ กับกองกลางตัวใหญ่ ๆ อาจไม่ใช่จุดเด่น แต่เขาใช้การอ่านจังหวะ การยืนตำแหน่ง และความขยันในการวิ่งชดเชยข้อจำกัดด้านสรีระได้ดี


ถาม: Bernardo Silva ต่างจากบรูโน่ แฟร์นันด์สยังไง?
ตอบ: ทั้งคู่เป็นเพลย์เมกเกอร์โปรตุเกสเช่นกัน แต่ Bruno จะเล่นสไตล์เสี่ยง จ่ายบอลแทงยาว คิลเลอร์พาสจัด ๆ และยิงไกลบ่อย ส่วน Bernardo จะเป็นสายควบคุมเกม จัดจังหวะทีม เล่นบอลสั้นและเคลื่อนที่หาพื้นที่มากกว่า เน้นให้ทีมสมดุลทั้งรุกและรับ


ถาม: ถ้าอยากทำความรู้จักเขาผ่านไฮไลต์ ควรเริ่มจากเกมไหน?
ตอบ: แนะนำเกมที่แมนฯ ซิตี้เจอกับเรอัล มาดริดในรอบรองยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2022–23 (เกมที่ซิตี้ชนะขาดในบ้าน) จะเห็นทั้งการทำประตู การเพรสซิ่ง และการเคลื่อนที่ของเขาครบ ๆ หรือเกมบิ๊กแมตช์ในพรีเมียร์ลีกที่เขามักจะถูกส่งลงทุกครั้ง ก็ช่วยให้เห็นบุคลิกการเล่นระยะยาวได้ชัดเจน


ถาม: เขายังถือว่าเป็น “วันเดอร์คิด” อยู่ไหม?
ตอบ: ณ ตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ในวัย “ดาวรุ่ง” อีกแล้ว แต่เป็นสตาร์เต็มตัวและถือว่าเป็นหนึ่งในกองกลางระดับท็อปของโลก คำว่าวันเดอร์คิดเลยกลายเป็นเหมือนฉายาที่ไว้เรียกช่วงแจ้งเกิดกับโมนาโกมากกว่า


ถาม: ถ้าแมนฯ ซิตี้ไม่มี Bernardo Silva เกมของทีมจะต่างไปแค่ไหน?
ตอบ: แม้ซิตี้จะมีขุมกำลังแน่น แต่การขาด Bernardo ทำให้ทีมเสีย “ฟันเฟืองเชื่อมเกม” ที่ทำงานหนักทั้งรับและรุกไปหนึ่งชิ้น เขาเป็นคนที่ช่วยปิดรูรั่วหลายจุดโดยที่ไม่จำเป็นต้องปรากฏในสถิติยิงหรือแอสซิสต์เสมอไป ใครดูแค่ไฮไลต์อาจไม่รู้สึก แต่คนดูเต็มแมตช์จะเห็นชัดมากว่าเขาช่วยทีมยังไง


บทส่งท้าย: Bernardo Silva และเสน่ห์ของนักเตะที่ทำงานหนักเงียบ ๆ

เรื่องราวของ Bernardo Silva จากเด็กอะคาเดมี่เบนฟิก้าตัวเล็ก ๆ ที่หลายคนเคยมองว่าอาจจะสู้เรื่องร่างกายได้ยากในบอลระดับสูง สู่การเป็นเพลย์เมกเกอร์แกนหลักของโมนาโก คว้าแชมป์ลีกเอิง แล้วก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในหัวใจแท็กติกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติโปรตุเกส มันคือบทพิสูจน์ชัด ๆ ว่าในโลกฟุตบอล “ขนาดตัว” ไม่ได้เป็นตัวกำหนดเพดานของความสำเร็จเสมอไป

เขาไม่ใช่คนที่ยิง 30–40 ประตูต่อฤดูกาล ไม่ได้เป็นคนที่มีไฮไลต์ตีกินโซเชียลทุกสัปดาห์ แต่เป็นคนที่ทำให้ทีมเล่นง่ายขึ้น ทำให้เพื่อนมีพื้นที่ ทำให้แท็กติกของโค้ชเดินหน้า แถมยังทำทั้งหมดนี้ด้วยความทุ่มเทที่เต็มร้อยแทบทุกนัดที่ลงสนาม

สำหรับเราในฐานะแฟนบอล แค่ได้ดู Bernardo Silva ลงสนาม วิ่งกดดันคู่แข่ง ขยับหาช่องรับบอล แล้วหมุนตัวจ่ายทะลุช่องสวย ๆ สักสองสามครั้งต่อเกม ก็เพียงพอจะทำให้ค่ำคืนของพรีเมียร์ลีกหรือฟุตบอลทีมชาติสนุกขึ้นมากแล้ว และถ้าใครอยากเพิ่มเลเยอร์ความตื่นเต้นเข้าไปอีกขั้นด้วยการลุ้นผลเดิมพันควบคู่ไปกับการเชียร์ ก็อาจมองหาช่องทางเริ่มต้นที่ได้มาตรฐานอย่างการสมัครผ่าน สมัคร UFABET แต่ไม่ว่าเส้นทางการเชียร์ของคุณจะไปไกลแค่ไหน ขอให้จำไว้เสมอว่า ความสุขจากฟุตบอลและความสนุกจากการลุ้นต้องเดินคู่กับความรับผิดชอบต่อตัวเองเสมอ

ท้ายที่สุด ไม่ว่าเขาจะเลือกปิดฉากอาชีพในยุโรปกับแมนฯ ซิตี้ หรือออกไปผจญภัยในลีกอื่น ๆ ในอนาคต ชื่อของ Bernardo Silva ก็คงจะถูกจารึกไว้ในใจแฟนบอลในฐานะหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ยุคใหม่ที่ทั้งฉลาด ขยัน และซื่อตรงกับเกมฟุตบอลอย่างงดงามที่สุดคนหนึ่งอยู่ดี 💙⚽